วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การวางแผนงานสอบบัญชี

แนวคิดเกี่ยวกับการวางแผนงานสอบบัญชี
ผู้สอบบัญชีควรวางแผนการปฏิบัติงานตรวจสิบให้มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ การวางแผนงานสอบบัญชี เริ่มต้นตั้งแต่การพิจารฯการรับงานสอบบัญชี การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวนสอบ การวิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น การกำหนดระดับความมีสาระสำคัญ การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชี การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายใน และสิ้นสุดที่การพัฒนาแผนการสอบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี

ความหมายของการวางแผนงานสอบบัญชี
การวางแผนงานสอบบัญชี หมายถึง การพัฒนากลยุทธ์ทั่วไป และวิธีการโดยละเอียดสำหรับลักษณะ ระยะเวลา และขอบเขตของการตรวจสอบที่คาดไว้ นั่นคือ การวางแผนงานสอบบัญชี หมายถึง การกำหนดของเขตการปฏิบัติงาน วิธีการ และเวลาที่จะใช้ในการตรวจสอบเพื่อรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีอย่างเพียงพอและเหมะสม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ประโยชน์ของการวางแผนงานสอบบัญชี
1. ช่วยให้ผู้สอบบัญชีสามารถรวบรวมหลักฐานการสอบบัญชีได้อย่างเพียงพอและเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
2. ช่วยให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบเป็นไปอย่างเหมาะสม
3. ช่วยให้เกิดความร่วมมือกับลูกค้าและป้องกันการเข้าใจผิด โดยทำความตกลงกำหนดการต่างๆ ล่วงหน้า และยืนยันกำหนดการดังกล่าว
4. ช่วยให้ผู้สอบบัญชีแน่ใจได้ว่าได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญอย่างเหมาะสมรวมทั้งสามารถระบุและจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
5. ช่วยให้มีการมอบหมายงานแกผู้ช่วยอย่างเหมาะสม
6. ช่วยให้การประสานงานกับผู้สอบบัญชีอื่นและผู้เชี่ยวชาญ

การวางแผนงานสอบบัญชี (Planing Processes) ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน
1. การพิจารณารับงานสอบบัญชี (Engagement Cetter)
2. การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ตรวจสอบ (Plant Tour)
3. การวิเคราะห์เปรียบเทียบในเบื้องต้น
4. การกำหนดระดับความมีสาระสำคัญ (Matonality)
5. การประเมินความเสี่ยงในการสอบบัญชีที่ยอมรับได้และความเสี่ยงสืบเนื่อง
6. การทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเสี่ยงจากการควบคุม
7. การพัฒนาแผนการสอบบัญชีโดยรวมและแนวการสอบบัญชี

เคล็ดลับการหาลูกค้ารายใหม่
ส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ธุรกิจมีกำไรและเจริญก้าวหน้า คือ การทุ่มเทให้กับการ พัฒนาธุรกิจ แม้ว่าคุณจะมีการผสมผสานระหว่างงาน ลูกค้า และพนักงานอย่างลงตัวแล้วก็ตาม คุณจำเป็นต้องติดตามโอกาสทางการขายใหม่ๆ ในการดำเนินการดังกล่าว โดยไม่ต้องผละออกจากลูกค้าปัจจุบัน (แม้ว่าวิธีการดังกล่าวจะใช้กับลูกค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน) จะช่วยสร้างกระบวนการในการระบุโอกาสทางการขาย ค้นคว้า และเก็บข้อมูลที่คุณพบ กระบวนการนี้จะช่วยให้คุณสามารถจัดการโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้เวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า คุณสามารถดำเนินการตาม 6 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้

1.จัดทำรายชื่อลูกค้า
ระบุประเภทของบริษัทที่คุณต้องการทำงานด้วย และจำนวนบริษัทเป้าหมายที่เป็นไปได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ ตัวอย่างเช่น พนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการตลาดอาจกำหนดเป้าหมายโอกาสทางการขายสำหรับบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดไว้ 5 บริษัทต่อเดือนคุณอาจค้นหาลูกค้าที่คาดหวังและระบุโอกาสทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางกิจกรรมของเครือข่าย การประมูลในหนังสือพิมพ์และนิตยสารของอุตสาหกรรม หัวข้อข่าวเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆ และการจัดสัมมนาของอุตสาหกรรมนั้นๆ ที่ลงในหนังสือพิมพ์ การติดตามข่าวสารในอุตสาหกรรมของคุณ และทราบถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญ คุณสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทที่คุณเข้าพบไว้ในฐานข้อมูลซึ่งข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วย ชื่อบริษัท ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลผู้ติดต่อ เวลาที่ติดต่อ วิธีการติดต่อ หัวข้อสนทนา งานที่คาดหวัง สิ่งที่ดำเนินการ การติดต่อครั้งถัดไป และข้อมูลทั่วไป คุณควรบันทึกรายละเอียดผู้ติดต่อของบริษัทไว้พร้อมกับสิ่งที่ต้องดำเนินการและงานที่ต้องติดตาม
2.ตรวจสอบคุณสมบัติของลูกค้า
เมื่อคุณได้รายชื่อบริษัทมาแล้ว คุณต้องทบทวนรายชื่อดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทเหล่านั้นเป็นโอกาสทางการขายที่เป็นไปได้ สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้
- คุณมีข้อมูลผู้ติดต่อที่จะเข้าถึงบริษัทหรือไม่
- คุณมีบริการที่บริษัทเหล่านั้นต้องการหรือไม่
- ข้อมูลใดในเว็บไซต์ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพวกเขาได้ดีขึ้น
- คุณมีความขัดแย้งใดในการโน้มน้าวบริษัทนี้หรือไม่
- ลูกค้ารายนี้มีโอกาสเติบโตหรือเป็นงานเร่งด่วน
- ใครคือผู้ตัดสินใจ คุณจะสามารถเข้าถึงบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร
3.การสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจ
การสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจ (ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเล็กเพียงใด) จะทำให้คุณสามารถสร้างธุรกิจใหม่ได้ไม่ยาก คุณอาจพบว่าลูกค้าที่คาดหวังใช้บริการของคุณเนื่องจากภาพลักษณ์ทางธุรกิจที่คุณสร้างขึ้นได้แสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณคือผู้นำในอุตสาหกรรม ตัวอย่างของกิจกรรมที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจให้กับคุณ ได้แก่ แผ่นป้ายโฆษณาตามอาคารต่างๆ โฆษณาในนิตยสารของอุตสาหกรรม การเป็นผู้สนับสนุนในงานสัมมนา และการกระจายสื่ออย่างครอบคลุม การพิจารณาเลือกสื่อและพื้นที่การครอบคลุม เช่น ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค เมือง หรือประเทศ จะขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่งที่ตั้ง และตลาดเป้าหมายของธุรกิจของคุณ
4.การแสดงถึงสิ่งที่อยู่ภายใน
เข้าถึงโอกาสทางการขายของคุณด้วยการแสดงผลิตภัณฑ์ของบริษัทเมื่อใดก็ตามที่สบโอกาส ตัวอย่างเช่น ส่งโบรชัวร์หรือจดหมายข่าวที่คุณจัดทำขึ้น และเชิญพวกเขาให้มาเข้าร่วม ตัวอย่างงานของคุณ หรือบทความที่เกี่ยวข้องหรือน่าสนใจ หมายเหตุ: ก่อนที่คุณจะดำเนินกิจกรรมการตลาดโดยตรง คุณควรตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้ละเมิดกฎหมายสิทธิส่วนบุคคลใดๆ เราไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนของกระบวนการดังกล่าวได้ ถ้าคุณไม่สามารถระบุโอกาสทางการขายได้ในทันที โปรดอดทนรอ คุณอาจต้องติดต่อกับบริษัทนั้นๆ ถึง 6 เดือนกว่าจะเห็นผล
5.กำหนดเวลาพูดคุย
คุณได้ก้าวผ่านประตูมาแล้ว… ถึงตอนนี้คุณต้องนำเสนอการขายด้วยตัวคุณเอง คุณต้องสร้างบรรยากาศของการพูดคุยที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของคุณ เช่น การใช้งานนำเสนอ หรือการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการ คุณอาจเลือกรูปแบบของการพูดคุยไม่ได้ แต่คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณมีการเตรียมพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในระหว่างการพูดคุย คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณได้แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่ได้รับจากขั้นตอนก่อนหน้านี้
6.การติดตามผล
เมื่อคุณได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถและสิ่งที่คุณสามารถดำเนินการให้กับบริษัทได้ คุณไม่ควรหยุดอยู่แค่นั้น การติดตามผลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่สำคัญของกระบวนการ และควรให้ความสำคัญเท่ากับขั้นตอนอื่นๆ การสนทนาในระหว่างการพบปะอาจนำเข้าสู่หัวข้อที่จะต้องอธิบายในรายละเอียด หรือคุณอาจพบบทความหรือข้อมูลสถิติที่น่าสนใจ/เกี่ยวข้องที่จะนำไปสู่การพูดคุยกันอีกครั้ง หรือแม้ว่าคุณไม่มีอะไรที่จะส่งให้กับลูกค้า คุณสามารถส่งคำขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้รับซึ่งคุณสามารถทำได้โดยการโทรศัพท์หรือส่งอีเมล์ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม

1 ความคิดเห็น:

  1. สรุปได้ดีแล้วครับ...แต่งงนิดหน่อย สมาชิกทำไมมีรูปคนเดียวอะครับ
    ..อีกอย่างคุณเธอขายประกันรึป่าวเนี่ย...

    ตอบลบ